
สรุปองค์ความรู้สุขศึกษา
สุขศึกษา คือ กระบวนการเปลี่ยนแปลงซึ่งเกิดขึ้นในตัวบุคคล การเปลี่ยนแปลงนี้สัมพันธ์กับความสัมฤทธิ์ผลส่วนบุคคลและส่วนชุมชนตามเป้าหมายทางสุขภาพอนามัย สุขศึกษาไม่สามารถที่จะหยิบยื่นให้บุคคลอื่นโดยบุคคลหนึ่งได้ สุขศึกษาเป็นกระบวนการเปลี่ยนแปลงพลวัตรที่เกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลา โดยบุคคลอาจยอมรับหรือไม่ยอมรับข้อมูล เจตคติ และการปฏิบัติใหม่ๆ ซึ่งเกี่ยวกับเป้าหมายของการมีชีวิตอยู่อย่างมีความสุขก็ได้
W.H.O. Technical Report No.89 ให้ความเห็นว่า สุขศึกษาก็เช่นเดียวกับการศึกษาทั่วๆไป คือ เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงความรู้ ความสามารถและพฤติกรรมของบุคคล สุขศึกษาจะเน้นที่การพัฒนาการปฏิบัติทางสุขภาพอนามัย ซึ่งเชื่อว่าจะก่อให้เกิดสภาวะความเป็นอยู่ที่สมบูรณ์ที่สุด
Mayhew Derryberry ให้ความหมายสุขศึกษาไว้ง่ายๆ เพื่อให้บุคคลทั่วไปเข้าใจดังนี้ สุขศึกษาเป็นการเปลี่ยนแปลงความรู้ด้านวิทยาศาสตร์สุขภาพ เจตคติที่มีต่อการป้องกันและรักษา และการปฏิบัติทางสุขภาพอนามัย ตลอดจนนิสัยในชีวิตประจำวัน ซึ่งเป็นผลจากประสบการณ์หลายๆอย่างของบุคคลนั้น ดังนั้น สุขศึกษาจึงไม่ใช่กิจกรรมที่จะทำโดยเจ้าหน้าที่สาธารณสุขเท่านั้น แต่เป็นปฏิกิริยาตอบสนองของประชาชนที่มีต่อประสบการณ์ทางด้านสุขภาพทั้งหมดของเขา
ความสำคัญของสุขศึกษา
1. สุขภาพมีความสำคัญต่อการดำรงชีวิตของมนุษย์ หากนักเรียนได้เรียนรู้หลักการต่างๆ เกี่ยวกับสุขภาพ จะทำให้นักเรียนมีความรู้ เจตคติ และการปฏิบัติที่ดีและถูกต้อง ทั้งยังสามารถดำรงชีวิตอยู่ในสังคมได้อย่างมีความสุขอีกด้วย
2.การสอนสุขศึกษาที่ดีและถูกต้อง มีส่วนช่วยให้นักเรียนมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เพราะนักเรียนมีสุขภาพสมบูรณ์ แข็งแรง ถ้านักเรียนมีสุขภาพไม่สมบูรณ์ จะทำให้การเรียนไม่ดีเท่าที่ควร
3. การสอนสุขศึกษาในโรงเรียน มีความเชื่อถือได้มากกว่าความรู้ที่นักเรียนได้รับมาจากแหล่งอื่นๆ เช่น จากเพื่อน ผู้ปกครองและบุคคลอื่นๆ ซึ่งเป็นความรู้ที่ไม่มีหลักฐานยืนยัน เป็นความรู้ที่ได้รับการอบรมถ่ายทอดกันมาตั้งแต่บรรพบุรุษ ซึ่งมีโอกาสก่อให้เกิดอันตรายได้
4. การสอนสุขศึกษาให้แกนักเรียนซึ่งอยู่ในวัยเด็ก มีแนวโน้มที่จะเชื่อถือและปฏิบัติตามคำแนะนำได้ง่ายกว่าผู้ใหญ่ ฉะนั้น การให้ความรู้ที่ถูกต้องแก่เด็ก จึงเป็นการช่วยให้เด็กได้เรียนรู้หลักการเกี่ยวกับสุขภาพตั้งแต่แรกเริ่ม และจะนำไปดัดแปลงใช้ในชีวิตประจำวันของตัวเองและครอบครัวได้เร็วและมากยิ่งขึ้น
5. ในวงการศึกษาเชื่อว่า ความรู้หรือประสบการณ์บางอย่างของเด็ก สามารถถ่ายทอดไปสู้ผู้ใหญ่ได้ ถ้าหากความรู้นั้นถูกต้องและสามารถปฏิบัติให้เห็นจริงได้ ฉะนั้น การสอนสุขศึกษาให้แก่นักเรียน ก็เป็นวิธีหนึ่งของการให้สุขศึกษาแก่ชุมชน
เขียนโดย Unknown ที่ 19:08 ไม่มีความคิดเห็น:
ส่งอีเมลข้อมูลนี้BlogThis!แชร์ไปที่ Twitterแชร์ไปที่ Facebookแชร์ใน Pinterest
ประเภทและองค์ประกอบสุขศึกษา
หมวดที่ 1 การบริหารจัดการองค์กร ประกอบด้วย
องค์ประกอบที่ 1 นโยบายการดำเนินงานสุขศึกษาและพัฒนาพฤติกรรมสุขภาพ (ระยะดำเนินการ ต.ค. 52 - ธ.ค. 52)
องค์ประกอบที่ 2 ทรัพยากรการดำเนินงานสุขศึกษาและพัฒนาพฤติกรรสุขภาพ (ระยะดำเนินการ ต.ค. 52 - ธ.ค. 52)
องค์ประกอบที่ 3 ระบบข้อมูลข่าวสารสนเทศด้านสุขศึกษาและพัฒนาพฤติกรรมสุขภาพ (ระยะดำเนินการ พ.ย. 52 - ม.ค. 52) ข้อมูลพฤติกรรมสุขภาพ สภาวะสุขภาพของประชาชนเป็นโจทย์ตัวเลขของการดำเนินงานของหมวดที่ 2 และการพัฒนาวิชาการ สำหรับหมวดที่ 3 มีศูนย์สื่อสนับสนุน และมีเครือข่ายสุขภาพร่วมดำเนินการ ข้อมูลจะมีความสัมพันธ์กันอย่างเป็นระบบต่อเนื่อง
หมวดที่ 2 กระบวนการดำเนินงาน ประกอบด้วย
องค์ประกอบที่ 4 แผนการดำเนินงานสุขศึกษาและพัฒนาพฤติกรรมสุขภาพ
องค์ประกอบที่ 5 กิจกรรมสุขศึกษาและพัฒนาพฤติกรรมสุขภาพ
องค์ประกอบที่ 6 การติดตามสนับสนุนการดำเนินงานสุขศึกษาและพัฒนาพฤติกรรมสุขภาพ เป็นการติดตามสนับสนุนให้การจัด
องค์ประกอบที่ 7 การประเมินผลการดำเนินงานสุขศึกษาและพัฒนาพฤติกรรมสุขภาพ เป็นการประเมินตามวัตถุประสงค์ของ แผนงานโครงการ โดยระบุการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมสุขภาพ
หมวดที่ 3 กระบวนการพัฒนาคุณภาพบริการ ประกอบด้วย
องค์ประกอบที่ 8 การเฝ้าระวังพฤติกรรมสุขภาพ เป็นข้อมูลสำหรับการดำเนินงานสุขศึกษาและพัฒนาพฤติกรรมสุขภาพเพื่อการ จัดกิจกรรมการเรียนรู้และการพัฒนาทักษะที่ถูกต้อง
องค์ประกอบที่ 9 การวิจัยที่เกี่ยวกับสุขศึกษาและพัฒนาพฤติกรรมสุขภาพ เป็นการศึกษากระบวนการดำเนินงานและปัจจัยที่มี ผลต่อการพัฒนาพฤติกรรมสุขภาพ
หมวดที่ 4 ผลลัพธ์การดำเนินการ ประกอบด้วย
องค์ประกอบที่ 10 ผลลัพธ์การดำเนินงานสุขศึกษาและพัฒนาพฤติกรรมสุขภาพ
บทสรุป การพัฒนางานสุขศึกษา จึงเป็นการจัดกระบวนการดำเนินงานแก้ไขปัญหาสาธารณสุขให้มีความชัดเจน ขึ้น โดยเฉพาะการจัดกิจกรรมที่เหมาะสมต่อการพัฒนาพฤติกรรมสุขภาพ ที่จะนำไปสู่การลดอัตราป่วยตายจากโรคติดต่อ และโรคไม่ติดต่อ ลดภาวะแทรกซ้อนในกลุ่มผู้ป่วยเรื้อรัง ทั้งยังเป็นการทำงานแบบมีส่วนร่วมกับเ
สุขศึกษา คือ กระบวนการเปลี่ยนแปลงซึ่งเกิดขึ้นในตัวบุคคล การเปลี่ยนแปลงนี้สัมพันธ์กับความสัมฤทธิ์ผลส่วนบุคคลและส่วนชุมชนตามเป้าหมายทางสุขภาพอนามัย สุขศึกษาไม่สามารถที่จะหยิบยื่นให้บุคคลอื่นโดยบุคคลหนึ่งได้ สุขศึกษาเป็นกระบวนการเปลี่ยนแปลงพลวัตรที่เกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลา โดยบุคคลอาจยอมรับหรือไม่ยอมรับข้อมูล เจตคติ และการปฏิบัติใหม่ๆ ซึ่งเกี่ยวกับเป้าหมายของการมีชีวิตอยู่อย่างมีความสุขก็ได้
W.H.O. Technical Report No.89 ให้ความเห็นว่า สุขศึกษาก็เช่นเดียวกับการศึกษาทั่วๆไป คือ เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงความรู้ ความสามารถและพฤติกรรมของบุคคล สุขศึกษาจะเน้นที่การพัฒนาการปฏิบัติทางสุขภาพอนามัย ซึ่งเชื่อว่าจะก่อให้เกิดสภาวะความเป็นอยู่ที่สมบูรณ์ที่สุด
Mayhew Derryberry ให้ความหมายสุขศึกษาไว้ง่ายๆ เพื่อให้บุคคลทั่วไปเข้าใจดังนี้ สุขศึกษาเป็นการเปลี่ยนแปลงความรู้ด้านวิทยาศาสตร์สุขภาพ เจตคติที่มีต่อการป้องกันและรักษา และการปฏิบัติทางสุขภาพอนามัย ตลอดจนนิสัยในชีวิตประจำวัน ซึ่งเป็นผลจากประสบการณ์หลายๆอย่างของบุคคลนั้น ดังนั้น สุขศึกษาจึงไม่ใช่กิจกรรมที่จะทำโดยเจ้าหน้าที่สาธารณสุขเท่านั้น แต่เป็นปฏิกิริยาตอบสนองของประชาชนที่มีต่อประสบการณ์ทางด้านสุขภาพทั้งหมดของเขา
ความสำคัญของสุขศึกษา
1. สุขภาพมีความสำคัญต่อการดำรงชีวิตของมนุษย์ หากนักเรียนได้เรียนรู้หลักการต่างๆ เกี่ยวกับสุขภาพ จะทำให้นักเรียนมีความรู้ เจตคติ และการปฏิบัติที่ดีและถูกต้อง ทั้งยังสามารถดำรงชีวิตอยู่ในสังคมได้อย่างมีความสุขอีกด้วย
2.การสอนสุขศึกษาที่ดีและถูกต้อง มีส่วนช่วยให้นักเรียนมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เพราะนักเรียนมีสุขภาพสมบูรณ์ แข็งแรง ถ้านักเรียนมีสุขภาพไม่สมบูรณ์ จะทำให้การเรียนไม่ดีเท่าที่ควร
3. การสอนสุขศึกษาในโรงเรียน มีความเชื่อถือได้มากกว่าความรู้ที่นักเรียนได้รับมาจากแหล่งอื่นๆ เช่น จากเพื่อน ผู้ปกครองและบุคคลอื่นๆ ซึ่งเป็นความรู้ที่ไม่มีหลักฐานยืนยัน เป็นความรู้ที่ได้รับการอบรมถ่ายทอดกันมาตั้งแต่บรรพบุรุษ ซึ่งมีโอกาสก่อให้เกิดอันตรายได้
4. การสอนสุขศึกษาให้แกนักเรียนซึ่งอยู่ในวัยเด็ก มีแนวโน้มที่จะเชื่อถือและปฏิบัติตามคำแนะนำได้ง่ายกว่าผู้ใหญ่ ฉะนั้น การให้ความรู้ที่ถูกต้องแก่เด็ก จึงเป็นการช่วยให้เด็กได้เรียนรู้หลักการเกี่ยวกับสุขภาพตั้งแต่แรกเริ่ม และจะนำไปดัดแปลงใช้ในชีวิตประจำวันของตัวเองและครอบครัวได้เร็วและมากยิ่งขึ้น
5. ในวงการศึกษาเชื่อว่า ความรู้หรือประสบการณ์บางอย่างของเด็ก สามารถถ่ายทอดไปสู้ผู้ใหญ่ได้ ถ้าหากความรู้นั้นถูกต้องและสามารถปฏิบัติให้เห็นจริงได้ ฉะนั้น การสอนสุขศึกษาให้แก่นักเรียน ก็เป็นวิธีหนึ่งของการให้สุขศึกษาแก่ชุมชน
เขียนโดย Unknown ที่ 19:08 ไม่มีความคิดเห็น:
ส่งอีเมลข้อมูลนี้BlogThis!แชร์ไปที่ Twitterแชร์ไปที่ Facebookแชร์ใน Pinterest
ประเภทและองค์ประกอบสุขศึกษา
หมวดที่ 1 การบริหารจัดการองค์กร ประกอบด้วย
องค์ประกอบที่ 1 นโยบายการดำเนินงานสุขศึกษาและพัฒนาพฤติกรรมสุขภาพ (ระยะดำเนินการ ต.ค. 52 - ธ.ค. 52)
องค์ประกอบที่ 2 ทรัพยากรการดำเนินงานสุขศึกษาและพัฒนาพฤติกรรสุขภาพ (ระยะดำเนินการ ต.ค. 52 - ธ.ค. 52)
องค์ประกอบที่ 3 ระบบข้อมูลข่าวสารสนเทศด้านสุขศึกษาและพัฒนาพฤติกรรมสุขภาพ (ระยะดำเนินการ พ.ย. 52 - ม.ค. 52) ข้อมูลพฤติกรรมสุขภาพ สภาวะสุขภาพของประชาชนเป็นโจทย์ตัวเลขของการดำเนินงานของหมวดที่ 2 และการพัฒนาวิชาการ สำหรับหมวดที่ 3 มีศูนย์สื่อสนับสนุน และมีเครือข่ายสุขภาพร่วมดำเนินการ ข้อมูลจะมีความสัมพันธ์กันอย่างเป็นระบบต่อเนื่อง
หมวดที่ 2 กระบวนการดำเนินงาน ประกอบด้วย
องค์ประกอบที่ 4 แผนการดำเนินงานสุขศึกษาและพัฒนาพฤติกรรมสุขภาพ
องค์ประกอบที่ 5 กิจกรรมสุขศึกษาและพัฒนาพฤติกรรมสุขภาพ
องค์ประกอบที่ 6 การติดตามสนับสนุนการดำเนินงานสุขศึกษาและพัฒนาพฤติกรรมสุขภาพ เป็นการติดตามสนับสนุนให้การจัด
องค์ประกอบที่ 7 การประเมินผลการดำเนินงานสุขศึกษาและพัฒนาพฤติกรรมสุขภาพ เป็นการประเมินตามวัตถุประสงค์ของ แผนงานโครงการ โดยระบุการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมสุขภาพ
หมวดที่ 3 กระบวนการพัฒนาคุณภาพบริการ ประกอบด้วย
องค์ประกอบที่ 8 การเฝ้าระวังพฤติกรรมสุขภาพ เป็นข้อมูลสำหรับการดำเนินงานสุขศึกษาและพัฒนาพฤติกรรมสุขภาพเพื่อการ จัดกิจกรรมการเรียนรู้และการพัฒนาทักษะที่ถูกต้อง
องค์ประกอบที่ 9 การวิจัยที่เกี่ยวกับสุขศึกษาและพัฒนาพฤติกรรมสุขภาพ เป็นการศึกษากระบวนการดำเนินงานและปัจจัยที่มี ผลต่อการพัฒนาพฤติกรรมสุขภาพ
หมวดที่ 4 ผลลัพธ์การดำเนินการ ประกอบด้วย
องค์ประกอบที่ 10 ผลลัพธ์การดำเนินงานสุขศึกษาและพัฒนาพฤติกรรมสุขภาพ
บทสรุป การพัฒนางานสุขศึกษา จึงเป็นการจัดกระบวนการดำเนินงานแก้ไขปัญหาสาธารณสุขให้มีความชัดเจน ขึ้น โดยเฉพาะการจัดกิจกรรมที่เหมาะสมต่อการพัฒนาพฤติกรรมสุขภาพ ที่จะนำไปสู่การลดอัตราป่วยตายจากโรคติดต่อ และโรคไม่ติดต่อ ลดภาวะแทรกซ้อนในกลุ่มผู้ป่วยเรื้อรัง ทั้งยังเป็นการทำงานแบบมีส่วนร่วมกับเ
สุขศึกษา คือ กระบวนการเปลี่ยนแปลงซึ่งเกิดขึ้นในตัวบุคคล การเปลี่ยนแปลงนี้สัมพันธ์กับความสัมฤทธิ์ผลส่วนบุคคลและส่วนชุมชนตามเป้าหมายทางสุขภาพอนามัย สุขศึกษาไม่สามารถที่จะหยิบยื่นให้บุคคลอื่นโดยบุคคลหนึ่งได้ สุขศึกษาเป็นกระบวนการเปลี่ยนแปลงพลวัตรที่เกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลา โดยบุคคลอาจยอมรับหรือไม่ยอมรับข้อมูล เจตคติ และการปฏิบัติใหม่ๆ ซึ่งเกี่ยวกับเป้าหมายของการมีชีวิตอยู่อย่างมีความสุขก็ได้
W.H.O. Technical Report No.89 ให้ความเห็นว่า สุขศึกษาก็เช่นเดียวกับการศึกษาทั่วๆไป คือ เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงความรู้ ความสามารถและพฤติกรรมของบุคคล สุขศึกษาจะเน้นที่การพัฒนาการปฏิบัติทางสุขภาพอนามัย ซึ่งเชื่อว่าจะก่อให้เกิดสภาวะความเป็นอยู่ที่สมบูรณ์ที่สุด
Mayhew Derryberry ให้ความหมายสุขศึกษาไว้ง่ายๆ เพื่อให้บุคคลทั่วไปเข้าใจดังนี้ สุขศึกษาเป็นการเปลี่ยนแปลงความรู้ด้านวิทยาศาสตร์สุขภาพ เจตคติที่มีต่อการป้องกันและรักษา และการปฏิบัติทางสุขภาพอนามัย ตลอดจนนิสัยในชีวิตประจำวัน ซึ่งเป็นผลจากประสบการณ์หลายๆอย่างของบุคคลนั้น ดังนั้น สุขศึกษาจึงไม่ใช่กิจกรรมที่จะทำโดยเจ้าหน้าที่สาธารณสุขเท่านั้น แต่เป็นปฏิกิริยาตอบสนองของประชาชนที่มีต่อประสบการณ์ทางด้านสุขภาพทั้งหมดของเขา
ความสำคัญของสุขศึกษา
1. สุขภาพมีความสำคัญต่อการดำรงชีวิตของมนุษย์ หากนักเรียนได้เรียนรู้หลักการต่างๆ เกี่ยวกับสุขภาพ จะทำให้นักเรียนมีความรู้ เจตคติ และการปฏิบัติที่ดีและถูกต้อง ทั้งยังสามารถดำรงชีวิตอยู่ในสังคมได้อย่างมีความสุขอีกด้วย
2.การสอนสุขศึกษาที่ดีและถูกต้อง มีส่วนช่วยให้นักเรียนมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เพราะนักเรียนมีสุขภาพสมบูรณ์ แข็งแรง ถ้านักเรียนมีสุขภาพไม่สมบูรณ์ จะทำให้การเรียนไม่ดีเท่าที่ควร
3. การสอนสุขศึกษาในโรงเรียน มีความเชื่อถือได้มากกว่าความรู้ที่นักเรียนได้รับมาจากแหล่งอื่นๆ เช่น จากเพื่อน ผู้ปกครองและบุคคลอื่นๆ ซึ่งเป็นความรู้ที่ไม่มีหลักฐานยืนยัน เป็นความรู้ที่ได้รับการอบรมถ่ายทอดกันมาตั้งแต่บรรพบุรุษ ซึ่งมีโอกาสก่อให้เกิดอันตรายได้
4. การสอนสุขศึกษาให้แกนักเรียนซึ่งอยู่ในวัยเด็ก มีแนวโน้มที่จะเชื่อถือและปฏิบัติตามคำแนะนำได้ง่ายกว่าผู้ใหญ่ ฉะนั้น การให้ความรู้ที่ถูกต้องแก่เด็ก จึงเป็นการช่วยให้เด็กได้เรียนรู้หลักการเกี่ยวกับสุขภาพตั้งแต่แรกเริ่ม และจะนำไปดัดแปลงใช้ในชีวิตประจำวันของตัวเองและครอบครัวได้เร็วและมากยิ่งขึ้น
5. ในวงการศึกษาเชื่อว่า ความรู้หรือประสบการณ์บางอย่างของเด็ก สามารถถ่ายทอดไปสู้ผู้ใหญ่ได้ ถ้าหากความรู้นั้นถูกต้องและสามารถปฏิบัติให้เห็นจริงได้ ฉะนั้น การสอนสุขศึกษาให้แก่นักเรียน ก็เป็นวิธีหนึ่งของการให้สุขศึกษาแก่ชุมชน
เขียนโดย Unknown ที่ 19:08 ไม่มีความคิดเห็น:
ส่งอีเมลข้อมูลนี้BlogThis!แชร์ไปที่ Twitterแชร์ไปที่ Facebookแชร์ใน Pinterest
ประเภทและองค์ประกอบสุขศึกษา
หมวดที่ 1 การบริหารจัดการองค์กร ประกอบด้วย
องค์ประกอบที่ 1 นโยบายการดำเนินงานสุขศึกษาและพัฒนาพฤติกรรมสุขภาพ (ระยะดำเนินการ ต.ค. 52 - ธ.ค. 52)
องค์ประกอบที่ 2 ทรัพยากรการดำเนินงานสุขศึกษาและพัฒนาพฤติกรรสุขภาพ (ระยะดำเนินการ ต.ค. 52 - ธ.ค. 52)
องค์ประกอบที่ 3 ระบบข้อมูลข่าวสารสนเทศด้านสุขศึกษาและพัฒนาพฤติกรรมสุขภาพ (ระยะดำเนินการ พ.ย. 52 - ม.ค. 52) ข้อมูลพฤติกรรมสุขภาพ สภาวะสุขภาพของประชาชนเป็นโจทย์ตัวเลขของการดำเนินงานของหมวดที่ 2 และการพัฒนาวิชาการ สำหรับหมวดที่ 3 มีศูนย์สื่อสนับสนุน และมีเครือข่ายสุขภาพร่วมดำเนินการ ข้อมูลจะมีความสัมพันธ์กันอย่างเป็นระบบต่อเนื่อง
หมวดที่ 2 กระบวนการดำเนินงาน ประกอบด้วย
องค์ประกอบที่ 4 แผนการดำเนินงานสุขศึกษาและพัฒนาพฤติกรรมสุขภาพ
องค์ประกอบที่ 5 กิจกรรมสุขศึกษาและพัฒนาพฤติกรรมสุขภาพ
องค์ประกอบที่ 6 การติดตามสนับสนุนการดำเนินงานสุขศึกษาและพัฒนาพฤติกรรมสุขภาพ เป็นการติดตามสนับสนุนให้การจัด
องค์ประกอบที่ 7 การประเมินผลการดำเนินงานสุขศึกษาและพัฒนาพฤติกรรมสุขภาพ เป็นการประเมินตามวัตถุประสงค์ของ แผนงานโครงการ โดยระบุการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมสุขภาพ
หมวดที่ 3 กระบวนการพัฒนาคุณภาพบริการ ประกอบด้วย
องค์ประกอบที่ 8 การเฝ้าระวังพฤติกรรมสุขภาพ เป็นข้อมูลสำหรับการดำเนินงานสุขศึกษาและพัฒนาพฤติกรรมสุขภาพเพื่อการ จัดกิจกรรมการเรียนรู้และการพัฒนาทักษะที่ถูกต้อง
องค์ประกอบที่ 9 การวิจัยที่เกี่ยวกับสุขศึกษาและพัฒนาพฤติกรรมสุขภาพ เป็นการศึกษากระบวนการดำเนินงานและปัจจัยที่มี ผลต่อการพัฒนาพฤติกรรมสุขภาพ
หมวดที่ 4 ผลลัพธ์การดำเนินการ ประกอบด้วย
องค์ประกอบที่ 10 ผลลัพธ์การดำเนินงานสุขศึกษาและพัฒนาพฤติกรรมสุขภาพ
บทสรุป การพัฒนางานสุขศึกษา จึงเป็นการจัดกระบวนการดำเนินงานแก้ไขปัญหาสาธารณสุขให้มีความชัดเจน ขึ้น โดยเฉพาะการจัดกิจกรรมที่เหมาะสมต่อการพัฒนาพฤติกรรมสุขภาพ ที่จะนำไปสู่การลดอัตราป่วยตายจากโรคติดต่อ และโรคไม่ติดต่อ ลดภาวะแทรกซ้อนในกลุ่มผู้ป่วยเรื้อรัง ทั้งยังเป็นการทำงานแบบมีส่วนร่วมกับเ